10 อันดับสัตว์ที่สามารถเอาตัวรอดได้เก่งที่สุด

คุณเอาตัวรอดเก่งไหม แล้วคุณแกร่งพอๆกับสัตว์ ที่อยู่ในสภาพแวดล้อม อันเลวร้ายที่สุดบนโลกหรือเปล่า เราจะมานับถอยหลังสู่ 10 อันดับสัตว์ ที่สามารถเอาตัวรอด ได้เก่งที่สุดในอาณาจักรสัตว์ แล้วมาดูกันว่า ความทรหดของพวกมันจะทำให้คนอึ้งและทึ่งมากแค่ไหน เราจะมาสำรวจ เส้นทางแห่งความแข็งแกร่ง ของสัตว์ใน 10 อันดับนี้กัน โลกคือดาวเคราะห์ ที่เต็มไปด้วยความสุดยอด สถานที่สุดยอด และสัตว์ที่สุดยอด แต่สัตว์บางชนิด สุดยอดยิ่งกว่าชนิดไหน ติดตามการนับถอยหลัง เพื่อค้นหาสัตว์ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ธรรมดาที่สุดใน 10 อันดับ

อันดับที่ 10 อูฐ
สุดยอดสัตว์จอมทรหด อันดับแรกของเรามาเริ่มต้น ในดินแดนแห่งความสุดขั้ว อากาศร้อนสุดขั้ว และขั้วด้วย คุณต้องแกร่งพอตัว จึงจะอยู่รอดในทะเลทรายได้ และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้อุดอยู่ในอันดับที่ 10 ของสัตว์ที่ได้ชื่อว่า เป็นจอมทรหดที่สุดในโลก เป็นเวลาหลายพันปี ที่ผู้คนต้องเดินทางข้ามดินแดน อันแห้งแล้งอย่างอาระเบีย โดยใช้สัตว์เป็นพาหนะ ที่มีฉายาว่า สำเภาทะเลทราย แต่บางคนไม่ได้เปรียบเทียบ พวกมันไว้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น บางคนเรียกมันว่า หมาตามใจคณะเดินทาง แต่คณะเดินทางย่อมรู้หน้าที่ของมัน แม้อูฐมีรูปร่างที่อัปลักษณ์ แต่มันก็อยู่รอดในสภาพแวดล้อม ที่แม้แต่ม้าก็อยู่ไม่ได้ กิล ริคเลอร์ ผู้เลี้ยงอูฐ ได้เปิดเผยว่า กูจะปรับตัวเข้ากับสภาพของทะเลทรายได้เก่งมาก ในที่ที่แห้งแล้งและร้อน อาหารไม่เพียงพอ แต่สัตว์ตัวใหญ่พวกนี้ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง พวกมันแบกน้ำหนักได้ 600 ปอนด์ เป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อวัน โดยที่ไม่ต้องกินน้ำหรือกินอาหารเลย

ความเก่งกาจของพวกมันก็คือ การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบรอบตัว ถ้าสังเกตที่รูจมูกของมันจะมีรอยตัดเล็กๆเป็นทางยาว ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อพิเศษที่ช่วยปิดจมูกไว้ เวลาเจอพายุทราย ขนจมูกในนั้น จะช่วยปัดเม็ดทราย ออกไปให้พวกมันหายใจคล่อง ถ้าสังเกตที่ตาของมัน คนตาของมันจะช่วยปกป้องลูกตา ผลจากเม็ดทราย และพวกมันยังมีเปลือกตาสองชั้น ที่ช่วยในการมองเห็น ทำให้พวกมันสามารถเดินข้ามทะเลทราย ได้โดยที่ยังหลับตาอยู่ ดังนั้นอูฐจึงกลายเป็นพระเอกอันโด่งดัง ที่ขาดไม่ได้ในการข้ามทะเลทราย แต่ที่ผิดไปจากความเข้าใจส่วนใหญ่ก็คือ โหนกของมันไม่ได้ใช้เก็บน้ำ แต่ที่จริงเต็มไปด้วยไขมัน ที่ใช้เป็นพลังงานสำรอง ในยามที่ต้องเผชิญกับ ความตรากตรำ คุณสมบัติทุกอย่างหล่อหลอมให้มันเป็นนักเอาตัวรอด แต่อูฐแข็งแกร่งมากแค่ไหน ลองคิดดูว่าถ้าคุณถูกทิ้งไว้กลางทะเลทราย ที่ไม่มีน้ำไม่มีร่ม อุณหภูมิร้อนฉ่ากว่า 120 องศาฟาเรนไฮต์ เป็นความร้อนที่ทำให้คุณเหงื่อแตก เหงื่อกาฬเปียกโชกไปทั้งร่างกาย น้ำหนักในตัวคุณ รถหายไป 12% และต้องเผชิญปัญหาครั้งใหญ่ เมื่อไม่มีน้ำดื่ม ภายในเวลาไม่ถึง 36 ชั่วโมง คุณก็ต้องตาย

ทีนี้ลองจินตนาการว่า ถ้าหากคุณมีความสามารถพิเศษเหมือนกับ อูฐ คุณก็จะสามารถ ทนทานกับความร้อนระอุได้มาก และยาวนาน กว่าคนธรรมดาทั่วไป ไม่เพียงแค่อูฐจะสามารถ สงวนน้ำในตัวไว้ได้ดี กว่าเราเท่านั้น แต่มันยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ แม้จะสูญเสียน้ำหนัก ในร่างกายไปมากกว่า 25% และยังอยู่รอดโดยที่ไม่ต้องกินน้ำได้นานถึง 8 วันเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมอูฐถึงกระหายน้ำมาก และสามารถดื่มน้ำ ได้ถึง 21 แกลลอน ภายในแค่ 10 นาที อูฐมีวิธีการดื่มที่ต่างออกไป ซึ่งช่วยให้อูฐ สามารถข้ามพ้นทะเลทราย และกลับมาบ้านได้ นมอูฐช่วยบำรุงสุขภาพมาก ลองคิดถึงภาพทะเลทรายที่ไม่มีอะไรให้ดื่ม โดยเฉพาะเมื่อคุณคิดถึง พืชผักหรือผลไม้ ที่ช่วยเสริมสร้างวิตามินซี ในร่างกายของลูกอูฐ นมอูฐ อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่มากกว่านมวัวถึง 3 เท่า และยังมีสารอินซูลิน ซึ่งนักวิจัยให้ความสนใจมาก ในการค้นคว้าว่า อินซูลินในนมอูฐ รักษาโรคเบาหวานได้มากแค่ไหน

อันดับที่ 9 หนู
ขอต้อนรับท่านสู่เมืองดรายโบนส์ เท็กซัส และถึงเวลาออกโรงของ นักควบคุมและกำจัดสัตว์ ไมเคิล โบดาน หนูถูกยกให้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 9 และเป็นศัตรูอันดับ 1 ของมหาชนด้วย หนูดำรงอยู่บนโลกใบนี้ มากกว่าหลายล้านปีแล้ว ซึ่งพวกมันก็มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์อยู่ตลอด ซึ่งผลก็คือพวกมันปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้ แถมยังขยายพันธุ์ได้มาก พวกมันใช้เวลาตั้งท้องไม่นานเลย หลังจากมันคลอดแล้ว ใน 30 หรือ 45 วันต่อมา พวกมันก็โตพอ ที่จะหากินเองได้แล้ว ในปัจจุบันหนูเพียงคู่เดียว สามารถแพร่พันธุ์ลูกหลานของมัน ได้มากกว่า 15000 ตัวต่อปี ถ้าเผื่อว่าพวกมันรอดทุกตัว และการเอาตัวรอดคือสุดยอดทักษะของหนู หนูจึงถูกจัดให้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 9 เพราะพวกมันทนทายาด เพราะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการกำจัดมัน ไหนจะโรคที่พวกมันคอยแพร่เชื้อ แต่ไม่นานหนูฝูงใหม่ก็จะย้อนกลับคืนมาอีก

ลองดูตามเมืองใหญ่ๆดู ทุกคนจะได้เห็นหนูอย่างน้อย 1 ตัว วิ่งไปมาอย่างไม่เกรงใจใคร ราวกับเป็นบ้านของพวกมัน และเพราะอะไรหนูจรจัดเหล่านี้ ถึงสามารถกระโดดข้ามหัวเราไปอย่างง่ายดาย เหตุผลแรกคือ หนูเป็นนักกายกรรมที่เก่งกาจมาก พลังเหนือมนุษย์ของมัน ทำให้สามารถ เข้ามาในถิ่นที่อาศัยของเราได้ และเล็ดลอดเข้ามา แม้แต่ช่องทางที่แคบที่สุด หนูอาจเป็นฝันร้ายที่สุดของคุณ แต่คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า จะเป็นอย่างไร หากคุณมีพลังอันสุดยอดของหนูอยู่ในตัว หากคุณเป็นหนู คุณจะสามารถหดตัวเข้าสู่รู หรือหลุมที่เล็กกว่าตัวคุณได้ เป็นผลจากกระดูกของคุณ ที่ยืดหยุ่นได้ และคุณจะสามารถ เล็ดลอด ผ่านรูใดๆก็ตาม ที่มีความกว้างกว่าศีรษะของคุณนิดเดียว และคุณจะไม่มีทางติดอยู่ในท่อ เพราะฟันของหนู มีความแข็งแกร่งมากกว่าฟันของคนเราถึง 120 เท่าเลยทีเดียว นั่นแปลว่าคุณสามารถกัดท่อเหล็กให้เป็นรูได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ถังขยะหรืออิฐถ่านหินก็ยังแพ้คุณ และหากว่าไม่มีท่อระบายน้ำ ให้ปีนลงข้างล่าง อย่าตกใจเพราะหนูนั้น มีรูปร่างที่เล็กและเรียวบางกว่าคนมาก ต่อให้ต้องตกจากที่สูง ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และด้วยพลังอันสุดยอดของหนู ทำให้คุณรอดพ้นจากการตกตึก 5 ชั้นได้ เพราะเหตุนี้ เราจึงต้องนัดทุกกรณีออกมาจากตำรา

เพื่อกำจัดจอมทรหดตัวนี้ ยาเบื่อหนูคืออาวุธที่เราโปรดปราน แต่หนูก็ยังพบหนทางเอาตัวรอดจากสงครามเคมีไปได้ ดูเหมือนหนูจะกัดกินอาหารใหม่ที่มันพึ่งเจอได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น รวมไปถึงยาเบื่อหนู ซึ่งทำให้มันมีเวลาสร้างภูมิต้านทาน หนู 1 คู่มีอัตราการแพร่พันธุ์ที่เร็วมาก นี่อาจเป็นวิวัฒนาการขั้นสูงของหนู นักวิทยาศาสตร์ยังพูดถึงมันว่า เจ้าถุงยาพิษตัวจิ๋วที่มี 4 ขาและมี 1 หาง แต่มีมนุษย์อีกคนที่ทนทานรับความทรมานจากยาเบื่อหนูได้ เขาคนนั้นคือนักบวชจอมโฉด รัสปูติน ปี 1916 ยุคพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย รัสปูตินต้องดาวดิ้นสิ้นชื่อของตนจากแผนลอบสังหารด้วยการวางยาพิษเขาในอาหาร และเหล้าที่ผสมไซยาไนด์ แต่เขากลับไม่ตาย ยาพิษไม่อาจทำร้ายเขาได้ เพราะรัสปูตินเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง ไซยาไนด์จึงไม่อาจกระจายพิษไปทั่วร่างเขาได้ เช่นเดียวกับหนูรัสปูตินแกล้งทำเป็นตาย จนเมื่อเหล่าผู้ลอบสังหารได้ตัดสินใจยิงเขาอีกหลายนัด แต่เขาก็ยังไม่ตายอีก จนกระทั่งเหล่าผู้ลอบสังหารรุมทุบตีที่ศีรษะเขา และจับเขาโยนลงแม่น้ำ รัสปูตินจึงสิ้นชื่อในที่สุด เขาไม่ได้ตายเพราะพิษหรือเพราะกระสุนปืน แต่ตายเพราะจมน้ำ และเพราะหนูกำจัดได้ยากยิ่งกว่าฆ่ารัสปูติน มันจึงถูกจัดในอันดับที่ 9 ของ 10 สุดยอดสัตว์จอมทรหดของเรา

อันดับที่ 8 นกแกนเน็ต
ทะเลคือสถานที่ที่อันตรายสุดขั้ว โดยเฉพาะถ้าคุณคือนกแกนเน็ต นกแกนเน็ตออสเตรเลเชี่ยน เป็นนักล่าปลาตัวฉกาจ แต่มีปัญหาอยู่อย่างคือมันจะจับปลากินยังไง ในเมื่อมันส่งเสียงร้องหรือทะเลอยู่ร้อยฟุต วิธีแก้ปัญหานั้นแสนง่าย แม้มันต้องเสี่ยงตาย นกแกนเน็ต จึงได้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับ 8 เพราะไม่มีสัตว์ตัวไหนในโลก ที่จะรอดชีวิตจากการดิ่งพสุธาลงทะเล ด้วยความเร็ว 90 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ การพุ่งชนทุกอย่างด้วยความเร็วระดับนั้นอาจถึงขั้นตายได้ ถ้าคุณดิ่งลงทะเลด้วยความเร็วระดับนี้ ร่างกายคุณจะเละเป็นโจ๊ก แต่นกแกนเน็ต เป็นสุดยอดสัตว์จอมทรหดได้ ด้วยรูปลักษณ์อันแสนพิสดาร ที่รับประกันได้ว่ามันจะไม่จมน้ำ เพราะนกแกเน็ตไม่มีรูจมูก ซึ่งช่วยป้องกันจงอยปากของมันจากแรงกระแทกได้ดี ส่วนร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยถุงลมที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ก่อนที่จะพุ่งลงน้ำ นกแกนเน็ตจะขยายถุงลมเหล่านั้นให้พอง เพื่อดูดซับความเจ็บจากแรงกระแทก

จะเป็นยังไงถ้ามีระบบนี้ติดในรถยนต์ เราต่างจากนกแกนเน็ต ตรงที่ร่างกายของคนเราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อรองรับแรงกระแทก แล้วถ้าจะมีคนบางกลุ่มที่ต้องการดิ่งพสุธาลงน้ำ ด้วยความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงละ ขอต้อนรับสู่กีฬาอันสุดขั้วอย่างกีฬากระโดดหน้าผามืออาชีพ พวกเขากระโดดจากความสูงที่มากกว่ากีฬากระโดดน้ำโอลิมปิกถึง 2 เท่า และต้องกระแทกกับผิวน้ำแรงกว่าถึง 9 เท่า ถึงจะดูสนุก แต่กีฬากระโดดหน้าผาก็มีความอันตรายสูงมาก แม้แต่ก้าวแรกที่กระโดดลงไป ด้วยเหตุนี้นกแกนเน็ตจึงทำได้ดีเยี่ยม เพราะมันมีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ในร่างกาย และทนทานได้กับความเร็วระดับสูง

อันดับที่ 7 กัวนาโค่
จอมทรหดตัวต่อไปอยู่ในเทือกเขาแอนดิสแถบอเมริกาใต้ เจ้าตัวนี้เป็นญาติกับอูฐ ซึ่งไม่ได้อยู่รอดจากความร้อน แต่จากความสูง เชิญพบกับ กัวนาโค่ พวกมันจะอาศัยอยู่บนที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 5 กิโลเมตร บนที่ที่อากาศเบาบางจนแทบขาดใจ มีออกซิเจนแค่ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับความสูงระดับน้ำทะเล และด้วยเหตุนี้กัวนาโค่ จึงเป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 7 เพราะพวกมันสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ที่ทำให้มนุษย์อย่างเราอาจขาดใจตายได้

ลองคิดดูว่าถ้าหากคนถูกทิ้งให้อยู่บนภูเขาที่สูงกว่า 3000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในชั้นบรรยากาศที่แสนจะเบา ในชั้นบรรยากาศที่แสนจะเบาบาง อาจจะทำให้คุณเจ็บป่วยหรือหมดแรง เพราะอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของคุณต้องการออกซิเจนที่เพียงพอ ในออกซิเจนนั้น อุดมไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดแดง เลือดปริมาณ 1 ช้อนชาจะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงอยู่ 19000 เซลล์ ฟังดูเหมือนเยอะแต่กลับอากาศเบาบางมันยังไม่มากพอ ด้วยเหตุนี้กีฬาปีนเขาจึงเป็นกีฬาที่อันตรายอย่างมาก บนความสูงกว่า 5000 เมตรจะทำให้คุณหายใจเร็วกว่าปกติถึง 4 เท่า แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ จุดที่ทำให้คุณอาจถึงตายคือความสูงที่ 75000 ฟุต ระบบย่อยอาหารของคุณจะหยุด ออกซิเจนในตัวคุณจะค่อยๆหมดลง และเริ่มกลืนกินตัวเอง หากยังฝืนต่อไปคงแย่แน่ ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นเหมือนกัวนาโค่

มนุษย์ที่มีเลือดแบบกัวนาโค่นั้น จะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงมากกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า และเซลล์เม็ดเลือดแดงทุกเซลล์ก็ยาวกว่าเป็น 2 เท่า เซลล์เม็ดเลือดยิ่งมากก็ยิ่งสะสมออกซิเจนในที่ที่อากาศเบาบาง ดังนั้นกัวนาโค่จึงเหมาะจะอยู่อาศัยในพื้นที่ที่สูงกว่ามนุษย์เรา กัวนาโค่ เคยได้รับการพรรณนาว่า เป็นสัตว์รูปร่างพิลึกที่เกือบถูกจัดให้เป็นสัตว์ป่า แต่ความสามารถของมันยังต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ก็เช่นเดียวกับสัตว์จอมทรหดอื่นๆ เมื่อถึงคราวต้องเอาตัวรอดอย่างถึงที่สุด สัตว์รูปร่างพิลึกนี้กับสอนบางอย่างให้เราได้

อันดับที่ 6 แมลงสาบ
หากหนูคือฝันร้ายที่สุดของคนเรา ฉะนั้นแมลงสาบก็เปรียบเสมือนกับฝันร้ายอันน่ากลัวของหนูอีกต่อหนึ่ง แมลงผู้เป็นทรราชนี้ ถูกจัดให้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 6 เพราะไม่ว่าเราจะจู่โจมมันด้วยอะไรมันก็รอดได้ทุกอย่าง ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะมันมีหนวดที่ไวต่อประสาทสัมผัสอย่างมาก และมันมีสมองอยู่ที่กลางแผ่นหลัง แมลงสาบจึงหลบพ้นทุกอย่างที่พุ่งมาได้ นั่นเป็นเพราะพวกมันเรียนรู้มาอย่างโชกโชน ความจริงคือยาวนานกว่า 400 ล้านปี แมลงสาบกัดกินไดโนเสาร์มานานกว่าที่มันซุกอยู่ในห้องครัวของคุณเสียอีก

แต่มีห้องครัวแห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของเนติค เมสซาซูเสตส์ ที่มีเรื่องเกี่ยวกับวีรกรรมการเอาตัวรอดของแมลงสาบ เมื่อ 30 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ในฐานทัพภาคท้องถิ่น ได้ค้นคว้าศึกษา และทำการทดลองกับเหล่าแมลงสาบมาดากัสการ์ขนาดยักจำนวนหนึ่ง โดยการดมสารกัมมันตรังสีให้แมลงสาบเหล่านั้น แมลงสาบสามารถทนทานต่อสารกัมมันตรังสีได้มากกว่ามนุษย์ถึง 200 เท่า แต่ในตอนท้ายของการทดลอง นักวิทยาศาสตร์ถูกทิ้งให้อยู่กับกลุ่มแมลงสาบที่โดนสารกัมมันตรังสี พวกเขาจึงตัดสินใจ วางยาพิษแมลงสาบเหล่านั้น แล้วจัดการขังพวกมันไว้ในกระเป๋าพลาสติก เพื่อนำไปฝังกลบภายหลัง แต่ไม่ทราบว่าแมลงสาบเหล่านั้นได้หลุดออกมาเมื่อไหร่ พวกมันรอดพ้นจากยาพิษได้ และกัดกระเป๋าจนขาด ก่อนที่จะวิ่งพล่านไปมาอย่างบ้าคลั่ง มีบ้านหลังหนึ่งที่ในครอบครัวต้องกินแมลงสาบที่ถูกพิษเป็นอาหารเช้า ด้วยเหตุนี้กองทัพจึงมีการพิพากษาว่า วิธีเดียวที่จะฆ่าพวกมันได้ก็คือเอาค้อนทุบให้มันตาย แต่แม้กระนั้นคุณก็ต้องเล็งเป้าทุกมันให้ดีๆ เพราะแมลงสาบสามารถอยู่ได้ถึง 1 เดือนโดยที่ไม่มีหัว ก่อนจะตายลงด้วยความโหยหิว จุดเด่นของแมลงสาบคือพวกมันแกร่งเกินพิกัด เพราะการจะกำจัดมันให้พ้นนั้นทำได้ยากมาก คนส่วนใหญ่คิดว่าแมลงสาบเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น